วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

AI613 Lecture: Class 06 (14/12/2010)


E-Business and E-Commerce
B2C คือการทำการค้าระหว่างหน่วยธุรกิจกับลูกค้ารายย่อย
B2B คือการทำการค้าระหว่างหน่วยธุรกิจด้วยกัน
B2G คือการทำการค้าระหว่างธุรกิจกับรัฐบาล
Dell ใช้กลยุทธ์ B2B เป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร เนื่องจาก B2B จะทำให้ได้ตลาดที่ใหญ่กว่า B2C จึงสามารถสร้างรายได้ให้กับกิจการได้มากกว่า โดยที่รายการค้าระหว่าง B2B จะมีปริมาณมากกว่ารายการค้าระหว่าง B2C เนื่องจาก B2B มักเป็นการขายไปถึงองค์ประกอบย่อยหรือวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ ส่วน B2C จะเป็นการค้ารายการเดียวคือ สินค้าผลิตเสร็จ
Ebay เป็นเว็บไซต์ซื้อขายสินค้า ผู้สนใจสามารถเข้าไปประมูลราคาสินค้าได้ ทำให้ผู้ขายสามารถขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากมี Information Asymmetry กำไรจึงค่อนข้างดี
Amazon เป็นว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเริ่มต้นจากการขายหนังสือก่อนเพราะไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ ต่อมาเปลี่ยนเป็นขายสินค้าทุกอย่าง Amazon ประสบความสำเร็จเนื่องจากการใช้กลยุทธ์ Long tail ซึ่งส่วนใหญ่เวลาคนซื้อหนังสือก็จะซื้อแค่หนังสือที่ติดอันดับขายดี เช่น Top 50 ส่วนหนังสืออื่นๆอีกมากมายที่ไม่ติดอันดับ ก็จะไม่ได้รับความสนใจเพราะร้านหนังสือแบบหน้าร้านทั่วๆไปไม่มีพื้นที่พอที่จะวางขายหนังสือเหล่านั้น แต่การขายทางอินเตอร์เน็ตสามารถทำให้คนเข้าถึงสินค้าประเภทนี้ได้
วัตถุประสงค์ของ E-Commerce คือทำกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นไปแบบอัตโนมัติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะในส่วนที่ไม่จำเป็นต้องใช้คนเข้ามาเกี่ยวข้อง
เทคนิคการใช้ E-commerce เช่น
Affiliate marketing การโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตผ่านโลโก้หรือแบนเนอร์
bartering online (ยื่นหมูยื่นแมว) การแลกเปลี่ยนข้อมูลออนไลน์
E-Auctions การประมูลออนไลน์ เช่น Ebay
ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี E-Commerce
  • สำหรับองค์กร คือ ทำให้สามารถสร้ายยอดขายได้มากขึ้น เนื่องจากสามารถติดต่อลูกค้าได้สะดวกมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีจำนวนกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น
  • สำหรับสังคม  ทำให้คนได้พบปะเจอกันได้มากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
  • สำหรับลูกค้า คือ ทำให้สามารถซื้อขายอยู่ที่บ้าน ไม่เสียทั้งทรัพยากรเวลา และค่าเดินทาง
อย่างไรก็ตาม E-commerce ก็ยังมีข้อจำกัดในด้านมาตรฐานการใช้เทคโนโลยีที่ของแต่ละคน ซึ่งอาจมีความแตกต่างกัน ปัญหาด้านความปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงอาจมีไวรัสเกิดขึ้นได้

Presentation:
Health informatics 
คือการนำข้อมูลที่เกี่ยวกับทางด้านสุขภาพมาผนวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อนำมาใช้ในการจัดการทรัพยากร, เครื่องใช้ต่างๆ และนำมาพัฒนาปรับปรุงวิธีการได้มา, การเก็บรักษาและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เกี่ยวสุขภาพ ซึ่งถูกนำไปพัฒนาใช้งานในหลายด้านไม่ว่าจะเป็น Nursing, Clinical care, Dentistry, Pharmacy, Public health หรือ (Bio) Medical research
ระบบสารสนเทศสุขภาพ (Health Information) แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1.       ข้อมูลด้านประชากร เศรษฐกิจและสังคม
2.       ข้อมูลด้านสถานสุขภาพ
3.       ข้อมูลด้านทรัพยากรสาธารณสุข
4.       ข้อมูลด้านกิจกรรมสาธารณสุข
5.       ข้อมูลด้านการบริหารจัดการ

การนำข้อมูลด้านสุขภาพ มาเชื่อมโยงกับระบบสารสนเทศนั้น ช่วยให้การบริการด้านสาธารณสุขเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดความผิดพลาด เพิ่มคุณภาพการรักษาพยาบาล และสามารถวางแผนการใช้ทรัพยากรไม่ว่าจะเป็นทางด้านบุคคลหรืออุปกรณ์ได้เพียงพอต่อความต้องการ

web 2.0
มีคุณลักษณะหลักๆ ดังนี้
1. "network as platform" คือจะต้องให้บริการหรือสามารถใช้งานผ่านทาง "web browser" ได้ 
2. ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของข้อมูลบน "website" นั้น สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้กับข้อมูลนั้น  
3. ให้ความสำคัญกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดยที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์จะมีส่วนร่วมต่อเว็บไซต์มากขึ้น ไม่ใช่แค่เข้ามาชมเว็บไซต์ที่เจ้าของเว็บจัดทำขึ้นเท่านั้น ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถสร้าง content ของเว็บไซต์ขึ้นมาได้เองหรือสามารถ tag content ของเว็บไซต์ (คล้ายๆการกำหนด keyword ที่เกี่ยวข้องกับ content โดยผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นผู้กำหนดขึ้น) ตัวอย่างเช่น Digg, Flickr, Youtube , Wiki 
4. Web 2.0 application จะมีคุณสมบัติที่เรียกว่า RIA (Rich Internet Application) นั่นคือ Web 2.0 application จะมี user interface ที่ดียิ่งขึ้น เช่น คุณสมบัติ drag & drop ซึ่งเราใช้กับใน desktop application ทั่วๆไปก็สามารถใช้ได้บนเว็บเช่นกัน โดยเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการสร้าง RIA เช่น AJAX, Flash
5.มีการพัฒนาและการโต้ตอบระหว่างผู้ให้บริการ และผู้ใช้งาน แทนที่จากระบบเว็บแบบเก่า ที่เป็นลักษณะของการให้บริการอ่านอย่างเดียว
6.มีความรวดเร็ว และความง่ายดายของการส่งข้อมูล แทนที่แบบเก่าที่ต้องจัดการผ่านเซิร์ฟเวอร์  
7.มีคุณสมบัติที่เรียกว่า mash-up คือการนำฟังก์ชั่นการใช้งานจากเว็บหลายๆที่ๆมาผนวกเข้าด้วยกัน
ตัวอย่างเว็บไซท์เช่น facebook, youtube และ Wikipedia เป็นต้น
  
Cloud Computing
Cloud computing เป็นแนวคิดการให้บริการด้าน IT รูปแบบใหม่ กล่าวคือเป็น Model ที่ทำให้สามารถเข้าถึงระบบเครือข่ายตามที่ต้องการ (On-Demand Network Access) ได้อย่างสะดวก โดยจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรในการประมวลผลส่วนกลางอันได้แก่ Network, Server, Storage, Application และ Services โดย Model ดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนต้องการการปฏิสัมพันธ์จากผู้ให้บริการ (service provider) ในระดับที่ต่ำ

Benefits of Cloud Computing

·        Cost Savings : องค์กรสามารถลดต้นทุน ตลอดจนเงินลงทุนด้าน IT ต่างๆ นอกจากนี้ยังลดค่าใช้จ่ายด้านการ maintenance ระบบ IT รวมไปถึงจำนวนพนักงานด้าน IT ที่ลดลง
·        Scalability: ผู้ใช้บริการ Cloud Computingสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของประสิทธิภาพของระบบประมวลผลได้ ตามลักษณะการใช้งานจริง สามารถเรียกใช้ความสามารถจากผู้ให้บริการได้ทุกเมื่อทุกเวลา
·        Access to Top-End IT Capabilities: มีโอกาสที่จะเข้าถึงเทคโนโลยีที่หลากหลาย ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้มากกว่าในสภาพแวดล้อมแบบเดิม 
·        Focusing on Core Competencies: บริษัทสามารถนำทรัพยากรที่จะนำไปลงทุนด้าน IT ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน พนักงาน ตลอดจนเวลา ไปมุ่งเน้นพัฒนา ด้านหลักที่เป็น Core Competencies ขององค์กรได้มากขึ้น
·        Efficient asset utilization: ผู้ให้บริการสามารถติดตั้งอุปกรณ์ในทำเลที่ตั้งที่ห่างไกลซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าการตั้งกิจการในย่านธุรกิจ แต่สามารถนำเสนอบริการให้แก่ลูกค้าได้ทั่วโลก อีกทั้งหน่วยจัดเก็บข้อมูล ส่วนประมวลผล และ Application ถูกแยกออกจากส่วนผู้ใช้ ดังนั้นผู้ให้บริการจึงสามารถดูแลรักษาระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น